5 เทคนิคขายของออนไลน์ให้ปัง ต้องทำยังไง?
ในขณะที่ธุรกิจมากมายได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่กลับมีธุรกิจประเภทหนึ่งที่เติบโตสวนกระแสโควิด นั่นก็คือธุรกิจขายของออนไลน์ ดูได้จากสรุปรายงานจาก Digital 2021 Global Overview Report ซึ่งได้เผยสถิติการซื้อของออนไลน์ในประเทศไทยว่า ‘คนไทยช็อปปิ้งหรือซื้อสินค้าออนไลน์สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก หรือราว 83.6%* ต่อปี’ แต่…ไม่ใช่ทุกคนที่ทำธุรกิจแล้วจะขายดี เพราะการทำธุรกิจมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึง วันนี้ NEXcloud ERP จะมาแชร์ 5 เทคนิคขายของออนไลน์ ทำยังไงให้ขายดี
5 เทคนิคขายของออนไลน์ ทำยังไงให้ขายดี
1. ช่องทางการขายต้องหลากหลาย
ในชีวิตจริงร้านที่มีสาขาเยอะ ๆ ย่อมได้เปรียบกว่าร้านที่มีสาขาเดียว เพราะโอกาสที่ลูกค้าใหม่ ๆ จะเจอก็ร้านเราก็มีมากกว่า มีทางเลือกที่หลากหลายให้ลูกค้า ลูกค้าสะดวกสาขาไหนก็ไปสาขานั้น ในทางออนไลน์ก็เช่นเดียวกัน ร้านที่มีช่องทางการขายที่หลากหลาย ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะเจอเราได้ง่าย ลูกค้าเลือกซื้อได้ตามความสะดวก ซึ่งในปัจจุบันช่องทางการขายของออนไลน์นั้นมีมากมาย ทั้ง Facebook Line เว็บไซต์ E-commerce Marketplace เช่น Shopee Lazada เป็นต้น
2. โปรโมชั่นต้องโดน แผนการตลาดต้องไว
เทคนิคขายของออนไลน์ที่พลาดไม่ได้ ก็คือการทำการตลาด การวางแผนการตลาดออนไลน์ ไม่ใช่แค่การจัดโปรโมชั่นลดราคา แต่ยังรวมไปถึงการทำการตลาดในสื่อออนไลน์ เช่น การซื้อโฆษณา Facebook, Google, Youtube, Instagram การทำเว็บไซต์ให้ติด SEO เป็นต้น จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจได้ขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ได้ง่ายมากขึ้น
การทำการตลาดแบบออนไลน์มีข้อได้เปรียบมากกว่าการตลาดแบบออฟไลน์ เพราะเราสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้ง่ายกว่า นำมาวิเคราะห์ทำโปรโมชั่นที่เข้ากับกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงเป้า ซึ่งธุรกิจที่มีเครื่องมือเก็บข้อมูลลูกค้าก็จะยิ่งได้เปรียบกว่าเจ้าอื่น ๆ
3. ช่องทางการชำระเงินที่สะดวก
การทำธุรกิจซื้อ-ขาย ต้องคำนึงถึงความสะดวกของลูกค้า ซึ่งช่องทางการชำระเงินก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เพราะเป็นเรื่องที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเลยก็ว่าได้ เช่น ลูกค้าสนใจสินค้าร้าน A แต่พบว่า สามารถจ่ายได้ด้วยบัตรเครดิตอย่างเดียว ในขณะที่ร้าน B สามารถโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารได้ ลูกค้าจึงตัดสินใจเลือกร้าน B เพราะสะดวกที่จะจ่ายด้วยบัญชีธนาคาร เป็นต้น
ซึ่งในปัจจุบัน ช่องทางการชำระเงินก็มีหลากหลายมากขึ้น ทั้ง บัตรเครดิต บัญชีธนาคาร PayPal, Wallet ไปจนถึง บริการชำระเงินปลายทาง หากธุรกิจสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบมากเท่านั้น แต่ก็ต้องมีระบบบริหารการเงินที่ดี ที่สะดวกและปลอดภัยต่อการทำธุรกรรมทางการเงินด้วย
4.บริหารจัดการสต๊อกได้
เทคนิคขายของออนไลน์ ไม่ใช่โฟกัสเฉพาะงานขาย แต่ต้องมีการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ดีด้วย ข้อมูลสต๊อกสินค้ากับจุดสั่งซื้อต้องตรงกัน ข้อมูลต้องถูกต้องแม่นยำ ยิ่งธุรกิจที่ขายดี มีข้อมูลต้องจัดการจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสินค้าแต่ละชนิด ข้อมูลการสั่งซื้อของลูกค้า จึงจำเป็นต้องมีระบบที่ดีมาช่วยจัดการ ระบบที่เชื่อมโยงคลังสินค้ากับช่องทางการขายของ E-commerce / Marketplace เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เช่น ลูกค้าเห็นว่ามีจำนวนพร้อมส่ง จึงกดสั่งซื้อสินค้า แต่จริง ๆ แล้วสินค้าหมด ก็จะทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อลูกค้าได้ เป็นต้น
5.มอนิเตอร์ธุรกิจได้แบบเรียลไทม์
ธุรกิจออนไลน์ ต้องเร็ว ต้องถูกต้อง ไม่ผิดพลาด และต้องตรวจสอบได้ หากมีเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถมอนิเตอร์กิจการได้แบบเรียลไทม์ เช่น ดูจำนวนสินค้าคงคลัง เช็คยอดขาย รายได้ รู้สถานะการเงินของธุรกิจ ก็จะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง จัดสรรงบประมาณทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างไม่สะดุด
NEXcloud ERP ระบบบริหารจัดการทรัพยากรบนคลาวด์ ERP ตัวช่วยบริหารธุรกิจซื้อ-ขาย ไม่ว่าจะเป็น ซื้อมาขายไป ค้าส่งค้าปลีก มีฟีเจอร์ที่สามารถบริหารจัดการคลังสินค้า บริหารงานบัญชี การเงิน การขาย งานจัดซื้อ พร้อมทั้งสามารถเก็บข้อมูลลูกค้า ข้อมูลคู่ค้า จัดงานภาษีที่เกี่ยวข้อง ช่วยลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน
พร้อมทั้งสามารถเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ E-Commerce, Marketplace เช่น Shopee, Lazada ได้อีกด้วย ตัดสต๊อกแบบเรียลไทม์ เชื่อมโยงข้อมูลจำนวนมากได้แบบอัตโนมัติ ทำบัญชีซื้อ ขาย ได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้บริหารธุรกิจขายของออนไลน์ได้อย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพ
#NEXcloud ERP เพื่อนแท้ SMEs ที่เข้าถึงง่าย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ
สนใจระบบ NEXcloud ERP / ซอฟต์แวร์ธุรกิจ ปรึกษาฟรี!
☎️ โทร : 0800707196
📲 Line Official Account : @NEXcloudERP
📣 FB : NEXcloud solution
💻 เว็บไซต์ : https://nexcloudsolution.com
📧 อีเมล : Mkt.th@nexus-sr.com